วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วิวัฒนาการ และการอยู่รอด

วิวัฒนาการ และการอยู่รอด

วิวัฒนาการและการอยู่รอด
แคคตัสมีวิวัฒนาการมาจากพืชปกติทั่ว ๆ ไป เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีความ
แห้งแล้งมากขึ้น พืชบางชนิดก็มีการปรับตัวเพื่อการดำรงชีวิต มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เช่น
ลดรูปของใบไปเป็นหนาม เพื่อลดการคายน้ำ เป็นต้น ดังดูตัวอย่างได้จาก Pereskia และ
Pereskiopsis บรรพบุรุษของแคคตัสที่พบได้ในปัจจุบัน หรือฟอสซิลมีชีวิต ยังมีลักษณะของต้นไม้
ทั่ว ๆ ไป กล่าวคือ มีลำต้นแตกกิ่งก้านสาขา และยังมีใบทำหน้าที่สังเคราะห์แสง แต่เริ่มมีการ
เปลี่ยนแปลงบางส่วนของใบไปเป็นหนามที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของแคคตัส

แคคตัสเป็นพืชที่ส่วนใหญ่พบเจริญเติบโตในทะเลทรายที่มีสภาพภูมิอากาศแห้งแล้งและหนาวเย็นแคคตัสมีวิธีการอย่างไรในการพัฒนาตนเองเพื่อให้ดำรงชีวิตให้อยู่ได้ในสภาพที่โหดร้ายการนั้นก็คือ การพัฒนาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเพื่อให้เหมาะสมกับการอยู่รอด โดยการ1. ลดรูปของใบเปลี่ยนเป็นหนาม เพื่อลดการคายน้ำ
หนามยังสามารถที่จะช่วยในการพรางแสง ลดความร้อนให้กับ
แคคตัสและยังช่วยป้องกันการถูกทำลายโดยการกัดแทะจากสัตว
2. สร้างส่วนที่มีลักษณะคล้ายไข (Wax) ปกคลุมส่วนผิวของลำต้น
มีจำนวนปากใบ (Stoma) บนลำต้นจำนวนน้อย และมีลำต้นเป็น
รูปทรงกลมซึ่งมีพื้นที่ผิวน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับปริมาตร ทำให้มี
การสูญเสียน้ำน้อยลง
 
3. พัฒนาเนื้อเยื่อพิเศษในลำต้น มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ
ทำหน้าที่ในการเก็บรักษาน้ำ
4. มีระบบรากฝอยอยู่ตื้น ๆใกล้กับผิวดิน ในเวลากลางคืนอากาศ
เย็นลงไอหมอกจะลอยตัวต่ำลงและควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำที่ผิว
ดิน ทำให้รากฝอยสามารถดูดซับความชุ่มชื้นจากอากาศและผิวดิน
ไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
5. แคคตัสบางชนิดมีการพัฒนาระบบรากให้มีขนาดใหญ่ เพื่อใช้
เก็บสะสมน้ำและอาหารแคคตัสบางชนิดที่มีความพิเศษ สามารถ
หดตัวดึงเอาลำต้นให้มุดลงไปใต้ก้อนกรวดหรือใต้ผิวดิน ช่วยลด
ความร้อนและช่วยลดการคายน้ำโดยเฉพาะในหน้าร้อน
6. แคคตัสบางชนิดเจริญเติบโตบนเทือกเขาสูง ซึ่งมีอากาศ
หนาวเย็น ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของหนามบางส่วนให้กลาย
เป็นขน (Bristle)หรือมีหนามปกคลุมลำต้นหนาแน่นป้องกัน
ความหนาวเย็นบางชนิดเปลี่ยนแปลงลำต้นให้เล็กลง เจริญ
เติบโตตามซอกหินหลีกหนีจากความหนาวเย็น
7. ในทะเลทรายที่แห้งแล้ง อาหารมีความจำเป็นมากในการ
ดำรงชีวิตแคคตัสบางชนิดยังมีการสร้างสารเคมีที่มีพิษต่อสัตว์
นอกเหนือจากหนามที่ใช้ป้องกันตนเอง
คนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าแคคตัส เป็นพืชที่พบได้เฉพาะทะเลทรายเท่านั้น แต่จริง ๆ

แล้วเราสามารถพบแคคตัสได้ในทุกสภาพภูมิอากาศ ในเขตป่าร้อนชื้น (Tropical) และ
เขตป่ากึ่งร้อนชื้น (Subtropical) แคคตัสส่วนใหญ่จะเป็นพืชเกาะอาศัย (Epiphyte)
โดยจะเกาะอาศัยอยู่ตามคาคบไม้ในที่สูง รับแสงได้อย่างเต็มที่มีรากทำหน้าที่ในการ
ยึดเกาะอยู่ปะปนกับพืชในตระกูล กล้วยไม้ และเฟิร์น มีการพัฒนาให้สามารถอยู่ได้
ในสภาวะที่มีความชุ่มชื้นสูงลำต้นมีการเปลี่ยนรูปให้มีลักษณะแบนบางหรือเป็นรูปสาม
เหลี่ยมเพิ่มพื้นที่ผิวในการสังเคราะห์แสงส่วนหนามที่ไม่มีความจำเป็นก็มีขนาดเล็กลง
หรือหายไปแคคตัสในกลุ่มนี้ได้แก่ Epiphyllum (โบตั๋น), Rhipsalisและ
Schlumberera เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น